บล็อกเกอร์ผู้สร้าง ต้องการให้รู้ถึงเรีองศิลปะของ abstract

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556


10 สูตรวิธีรักษาสิวและทำให้หน้าใส ด้วยขมิ้นชันสำหรับใครที่กำลังมองหาสูตร วิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ หรือวิธีทำให้หน้าใสแบบธรรมชาติ…อย่าได้พลาดค่ะ วันนี้เราได้รวบรวมสูตรวิธีมากมายเกี่ยวกับการรักษาสิวด้วยขมิ้น รวมถึงสูตรหน้าใสด้วยขมิ้นมาฝากค่ะ ซึ่งเป็นสูตร เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยแต่ก่อน สำหรับสาวๆ แล้วการใช้ขมิ้นทาผิวหน้าจะทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำ ทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น วิธีการอาบน้ำด้วยขมิ้นนั้น จะทาขมิ้นหมักไว้ที่ผิวหนังสักพัก แล้วจึงขัดออกด้วยส้มมะขามเปียก นอกจากทำให้ผิวหนังนุ่มนวลแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการป้องกันการงอกของขน ผู้หญิงอินเดียจึงใช้ขมิ้นทาผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพร ที่ชื่อทาคาน่า ทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็กๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียดสวย



มารู้จัก ”ขมิ้น” กันเถอะ
“ขมิ้นชัน” เป็นพืชสมุนไพร และประโยชน์ของขมิ้นชันกับผิวนั้นไม่ได้แค่ต่อต้านหรือลดการอักเสบหรือ
รักษาสิวเท่านั้น แต่ยังใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำและช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดยังช่วยบำรุงให้สีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำ ขมิ้นชันได้รับการยอมรับว่าช่วยลดการอักเสบและลดการระคายเคืองเมื่อนำมาใช้กับผิว อย่างที่รู้กันว่าสิวนั้นเกิดจากแบคทีเรีย P.acne ที่ทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมแดงที่เราเห็น ซึ่งก็ได้มีการวิจัยว่าขมิ้นชันสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ได้และสามารถผสมใช้ร่วมกับNeem oil, Tea Tree oil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ยังมีการวิจัยอื่นที่บอกอีกว่าขมิ้นชันช่วยปรับสภาพผิวเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่มีการผสมขมิ้นชันในเครื่องสำอางที่ขายตามท้องตลาดมากมาย

สูตรวิธีรักษาสิวและทำให้หน้าใส 

1 สูตรขมิ้นสด + ดินสอพอง + น้ำมะนาว
สูตรนี้ช่วยบำรุง: ผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว

ส่วนผสม

ขมิ้นสด (เล็กน้อย)
ดินสอพอง 2-3 เม็ด
มะนาว 1 ผล

วิธีทำ

นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นรวมกับดินสอพองและมะนาว จนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้มะนาว จะทำให้ผิวนวลเนียนขึ้นสามารถสัมผัสได้ และเมื่อผสมรวมกันกับผักแว่น ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2 สูตรดินสอพองผสมน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก

สูตรนี้ช่วยบำรุง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ

ผลที่ได้ : จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง ให้ผลเร็ว 1-3 วันเห็นผลแน่นอน สิวแห้ง ยุบลง

ส่วนผสม 

ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา

วิธีทำ

นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน (มันจะกลายเป็นครีมข้นๆ)

ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง

จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา หรือจะแต้มเฉพาะตรงที่หัวสิวก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีหรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้

วิธีล้าง

ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน

จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน

ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง







3 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำมะนาว

สูตรนี้ช่วยบำรุง: ก็เป็นอีกสูตรที่ใช้กันเยอะ โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวเยอะมากบนใบหน้า พอลองใช้สูตรนี้แล้วพบว่า ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว สิวยุบเร็ว สิวและรอยสิวลดลง และหน้าเนียนขึ้นด้วย




วิธีทำ

ผสมผงขมิ้นชันกับน้ำมะนาว หรือถ้าอยากให้ข้นสามารถผสมกับน้ำมันต่างๆได้และแต้มที่สิวก่อนนอน หรือจะพอกทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ ถ้าหากคุณเป็นสิวบนใบหน้าเยอะมาก โดยไม่ต้องล้างออก ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือจนคุณทนไม่ได้เพราะเมื่อพอกแล้วมันจะรู้สึกแสบหน้าค่ะ แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนได้จะดีมากกกค่ะ







4 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง

สูตรนี้ช่วยบำรุง: ช่วยให้สิวยุบเร็วและช่วยบำรุงผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย

ผลที่ได้ : ช่วยให้สิ้วเสี้ยนหลุด สมานผิวและรูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากสิวอักเสบ ไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม




วิธีทำ





ครีมขัดและพอกหน้า นำขมิ้นผงผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง จากนั้นล้างหน้า ให้สะอาดแล้วนำขมิ้นที่เตรียมไว้ขัดใบหน้าเบา ๆ จนทั่วพอกไว้อย่างนั้นประมาณ 5 นาที ล้างออกได้ด้วยน้ำอุ่น ๆ




หรืออีกวิธี คือ ใช้เหง้าขมิ้นสดมาหั่นบาง ๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดเป็นผงให้ละเอียดผสมกับน้ำนมทาตัวเอาไว้ก่อนจะอาบน้ำทิ้งไว้ 10 - 20 นาที เป็นอย่างน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือตามด้วยการอาบน้ำชำระร่างกาย ผลที่ได้รับคือ ช่วยให้ผิวนุ่มนวลเนียน แก้โรคผดผื่นคัน หรือจุดด่างดำบนร่างกายให้หายไป


5 สูตรขมิ้นชันสด

สูตรนี้ช่วยบำรุง: สำหรับคนที่ใช้ขมิ้นผงแล้วแพ้ เปลี่ยนมาใช้แบบสดดีกว่าค่ะ (เพราะเคยมีคนที่เกิดอาการแพ้ขมิ้นผง พอเปลี่ยนมาใช้แบบสดก็สามารถใช้ได้ไม่เกิดอาการแพ้ค่ะ)

ผลที่ได้ : ผิวเนียนขึ้น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หายหมดค่ะ




วิธีใช้

- นำขมิ้นชันสดมาปลอกเปลือก แล้วนำไปปั่นแล้วเอาไปใส่กระปุกแช่ตู้เย็นไว้ค่ะ พอครบ 1 อาทิตย์ ก็ทำใหม่ค่ะ

- ใช้คอตต้อนบัด จิ้มๆ น้ำแล้วนำมาทาหน้า ก่อนล้างหน้า 10-15 นาที

- ควรใช้ตอนเย็น เพราะหน้าจะเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกค่ะ


6 สูตรน้ำผึ้ง

“น้ำผึ้ง” มีสรรพคุณลดการอักเสบ และติดเชื้ออยู่ด้วย และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่น้ำผึ้งจึงใช้สมานบาดแผลชนิดต่างๆ

สูตรนี้ช่วยบำรุง: สูตรน้ำผึ้งนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง แพ้ง่าย มะนาวอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองและแห้งมากขึ้น สูตรนี้จึงใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติสมานผิวเข้ามาแทนที่ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันงา



ส่วนผสม


ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่

น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา

น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา

น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียด ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันงา (หรือน้ำมันมะกอกก็ได้) คนให้เข้ากัน

น้ำมาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา

ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

หลังล้างหน้าจะมีความมันของน้ำมันงาหลงเหลืออยู่บ้าง

หากไม่ชอบให้ล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น







7 สูตรน้ำนมขมิ้น

สูตรนี้ช่วยบำรุง: น้ำนมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และบวกกับขมิ้นที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แก้ผดผื่นคัน และบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งด้วย สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว





ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 4 - 5 เม็ดใหญ่

นมสด 2 ช้อนชา

น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำขมิ้น

นำหัวขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก

ผสมน้ำเล็กน้อย กรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง

วิธีทำ

บดดินสอพองสะตุจนละเอียด แล้วคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด







8 สูตรขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม

ส่วนผสม

นำขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม

วิธีทำ

นำมาบดผสมกัน ใช้พอกหน้า และตัวเพื่อบำรุงผิวได้ (ถ้าผิวมันใช้ผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ ถ้าผิวแห้ง ใช้ผสมกับน้ำผึ้ง หรือ นมสด) ควรพอกประมาณ 5 - 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น สลับกัน







9 สูตรดินสอพอง ผสมกับขมิ้น

ขมิ้น มีสรรพคุณ ฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ มันก็สามารถบรรเทาอาการสิวคุณได้


วิธีทำ

นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้น คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว แต่ถ้าจะเอามาพอกหน้า ควร ลด ขมิ้นผงลง เพราะคุณอาจจะกลายเป็น ดีซ่านได้







10 ดินสอพอง ผสมกับไพล

ไพล เป็น ญาติกับ ขมิ้น แต่ไพล มีสีเหลืองนวล อ่อนกว่า ขมิ้น

มีสรรพคุณช่วย บำรุงผิว ลดอาการระคายเคือง วิธีทำ นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว



วิธีทำ

นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว หรือนำไปพอกหน้าก็ได้


หวังว่าบทความนี้ คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาสิว และมองหาวิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ

ภาพ Abstract 

    ของฝากผู้รักการถ่ายภาพในวันนี้ เป็นภาพ Abstract หรือ ภาพนามธรรม
หมายถึง ภาพที่เกิดจากจินตนาการของผู้ถ่ายภาพ แล้วแต่จะสร้างสรรค์ ตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เป็นภาพที่รู้ได้ด้วยใจ โดยถ่ายทำจากธรรมชาติหรือสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ เป็นต้นว่า ทิวทัศน์ ต้นไม้ ใบไม้ อาคาร วัสดุ แสงไฟ เป็นต้น โดยเน้นเส้นแสง สี รูปร่าง ที่สวยงามประทับใจ ภาพที่ได้จะแตกต่างจากภาพถ่ายปกติธรรมดา การจะถ่ายภาพประเภทนี้ ให้ได้ดี นอกจากจะขึ้นอยู่กับการศึกษา และ
ประสบการณ์ของผู้ถ่ายภาพแล้ว ยังขึ้นอยู่กับจินตนาการในการสร้างสรรค์ รวมตลอดถึง การ
ศึกษา ผลงานของนักถ่ายภาพชั้นแนวหน้าอีกด้วย







วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Artspan Portal: ABSTRACT PHOTOGRAPHY

lntroduction to Abstract Photography

Abstract Photography avoids symbolic representation, rejecting the notion that something identifiable must be depicted by a photograph. Instead, its object is the image itself and the process of its creation. Though examples of abstract photography can be found as early as the 1830s, it did not become a self-conscious form of image making until the early 20th century. It generally ran in parallel to abstract art, both in response to Realism's decades-long ideology that photography must be documentary. The first publicly exhibited abstract photographs were Erwin Quedenfeldt's Symmetrical Patterns from Natural Forms, shown in 1914. From Chistian Schad's cameraless photography, called photograms, to other experimental techniques like solarization, multiple exposure, photomontage, Surrealism and other art movements in the first half of the 20th century embraced abstract photography. The second half of the century brought people like Otto Steinert who made photos that explored the concept of an images' essential being. The 1960s saw the beginning of technology's integration with abstract photography, with computers, digital imaging, and microscopes producing astounding abstract images. Yet the most revered works of abstract photography come from real people behind the camera, notably in the works of Piet Mondrian, Saul Leiter, Paul Strange, Alfred Stieglitz.


lntroduction ถ่ายภาพบทคัดย่อ


การถ่ายภาพนามธรรมหลีกเลี่ยงการแสดงสัญลักษณ์ปฏิเสธความคิดที่ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ระบุจะต้องปรากฎตามภาพ แต่วัตถุที่เป็นภาพตัวเองและกระบวนการของการสร้าง แม้ว่าตัวอย่างของการถ่ายภาพนามธรรมที่สามารถพบได้เร็วเท่าที่ 1830 มันก็ไม่ได้กลายเป็นรูปแบบประหม่าของภาพทำให้จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 มันมักจะวิ่งเข้าไปในห้องที่ขนานไปกับศิลปะนามธรรมทั้งในการตอบสนองต่ออุดมการณ์นานหลายสิบปีเป็นธรรมชาติที่จะต้องมีการถ่ายภาพสารคดี เป็นครั้งแรกที่แสดงต่อสาธารณชนเป็นภาพนามธรรมเออร์วิน Quedenfeldt ของรูปแบบสมมาตรจากรูปแบบธรรมชาติที่แสดงใน 1914 จากการถ่ายภาพ cameraless Chistian Schad ที่เรียกว่า photograms เพื่อเทคนิคการทดลองอื่น ๆ เช่นการอบการสัมผัสหลายภาพตัดต่อสถิตยศาสตร์และการเคลื่อนไหวของศิลปะอื่น ๆ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 กอดการถ่ายภาพนามธรรม ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่นำคนชอบอ็อตโต Steinert ที่ทำให้ภาพถ่ายที่สำรวจแนวคิดของการเป็นสิ่งจำเป็นภาพ ' 1960 เห็นจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มของเทคโนโลยีกับการถ่ายภาพนามธรรมกับคอมพิวเตอร์การถ่ายภาพดิจิตอลและกล้องจุลทรรศน์ผลิตภาพนามธรรมที่น่าประหลาดใจ แต่ผลงานที่เคารพมากที่สุดของการถ่ายภาพนามธรรมมาจากคนจริงที่อยู่เบื้องหลังกล้องสะดุดตาในการทำงานของ Piet Mondrian, ซาอูลไลเตอร์พอลแปลกอัลเฟรด Stieglitz

ศิลปะนามธรรม



ศิลปะนามธรรม (อังกฤษ: Abstract Art) ใช้ภาษาภาพในการสื่อความหมายด้วยรูปทรง, สี และลายเส้น เพื่อสร้างสัดส่วนซึ่งอาจจะประกอบขึ้นในระดับความเป็นนามธรรมที่แตกต่างกันไป[1] ตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาไปจนถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ศิลปะตะวันตกรับอิทธิพลในการใช้ทัศนมิติและความพยายามในการทำให้สมจริงมากที่สุด ขณะที่ศิลปะของวัฒนธรรมนอกทวีปยุโรปถูกเข้าถึงและแสดงให้เห็นแนวทางอันหลากหลายในการอธิบายทัศนประสบการณ์ของตัวศิลปิน จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ศิลปินหลายคนรู้สึกถึงความต้องการที่จะสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่ ซึ่งสามารถที่จะถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของเทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์ และปรัชญา ต้นตอที่ทำให้ศิลปินสร้างสรรค์งานศิลปะของตัวเองนั้นมีหลากหลาย และสะท้อนให้เห็นสภาพก่อนการเปลี่ยนแปลงทั้งทางสังคมและปัญญาในทุกแง่มุมของวัฒนธรรมยุโรปในขณะนั้น[2]

ศิลปะนามธรรม ศิลปะไร้รูปแบบตายตัว ศิลปะไร้รูปธรรม และศิลปะไม่แสดงลักษณ์ คือศิลปะที่เกี่ยวข้องกันอย่างหลวมๆ แม้ในความหมายเชิงลึกอาจมีความแตกต่างกันก็ตาม

ศิลปะนามธรรมชี้ให้เห็นการละทิ้งค่านิยมในการสร้างสรรค์ภาพให้มีความสมจริงของวงการศิลปะ การวาดภาพโดยที่ไม่เน้นความสมจริงนี้อาจแสดงไว้เพียงเล็กน้อย, บางส่วน หรืออาจจะแสดงไว้โดยสมบูรณ์ทั้งชิ้นงาน ศิลปะนามธรรมคงอยู่ต่อเนื่องเรื่อยมา แม้แต่ศิลปะที่พยามยามจะทำให้มีองศามากที่สุดก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะนามธรรม และตั้งแต่การแสดงภาพอย่างสมบูรณ์แบบเริ่มมีความยุ่งยากที่จะเข้าถึงแก่นแท้ งานศิลปะที่ใช้ความเป็นอิสระและแตกต่างไปจากเดิมทั้งรูปแบบและการใช้สีซึ่งมีความเด่นสะดุดตาก็อาจถูกเรียกว่าเป็นศิลปะนามธรรมได้ด้วยเช่นกัน ศิลปะนามธรรมโดยสมบูรณ์คือศิลปะที่ไม่สามารถโยงเข้ากับแหล่งอ้างอิงรูปธรรมใดได้เลย ตัวอย่างเช่น ในศิลปะนามธรรมทรงเรขาคณิตน้อยครั้งที่จะพบแหล่งต้นตอของแนวคิดหรือรูปทรงที่ปรากฏเป็นรูปธรรมในธรรมชาติ ซึ่งทั้งศิลปะรูปแบบตายตัวและศิลปะนามธรรมโดยสมบูรณ์ต่างก็มีความเฉพาะตัวที่เหมือน แต่ศิลปะรูปแบบตายตัวและศิลปะเสมือนจริง (หรือศิลปะสัจนิยม) มักจะมีบางส่วนที่เป็นนามธรรมปรากฏด้วยอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งศิลปะนามธรรมทรงเรขาคณิตและศิลปะนามธรรมแบบพลิ้วไหวมักจะมีความเป็นนามธรรมโดยสมบูรณ์อยู่บ่อยครั้ง และหนึ่งในพัฒนาการอันหลากหลายของศิลปะที่กลายมาเป็นศิลปะนามธรรมบางส่วน เช่น ศิลปะคติโฟวิสต์ที่เน้นการใช้สีแบบผิดแปลกอย่างจงใจและเด่นชัด หรือลัทธิคิวบิสม์ที่เน้นการทำให้รูปแบบการวาดภาพสิ่งต่างๆ ในชีวิตจริงผิดแผกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

         

ภาพแนว Abstract หรือ นามธรรม

คือภาพที่ดูแล้วไม่รู้เรื่องต้องมีสิลปะในการมอง มีคนให้นิยามไว้ว่า คือภาพที่ลดรายละเอียดลง ไม่เป็นรูปเหมือนที่ชัดเจน จนมองไม่ออกเลยว่าเป็น รูปอะไร ต้องใช้จินตนาการในการมอง และนึกไปถึงนู่น นี่ นั่น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิต แนวคิด ความสนใจ ของผู้ชม บางครั้ง คนถ่ายหรือคนทำกับ คนดู ก็นึกไม่ตรงกัน กลายเป็นว่า สื่อสารไม่ตรงกันไป เพราะพื้นฐานชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
*ภาพแนว Abstract มีทั้งภาพถ่ายและ ภาพที่สร้างขึ้นเองจาก Photoshop และคำว่า Abstract ยังมีหลายความหมายอีกด้วย